ฟิลเลอร์ปากคืออะไร

การฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ การใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ฉีดบริเวณริมฝีปากเพื่อเพิ่มเนื้อและปรับขนาดโครงสร้างปากได้ตามที่ต้องการ ให้ปากอวบอิ่มขึ้น แก้ปัญหาปากบาง ริมผีปากเป็นร่อง แก้ไขปากไม่เป็นรูปให้สมดุล เป็นรูปทรงที่สวยงาม 

ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นเป็นวิธีที่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว มีผลกระทบมีน้อย ไม่ต้องผ่าตัดหรือศัลยกรรม ปลอดภัย และเห็นผลลัพท์หลังการฉีดทันที ฟื้นสภาพได้อย่างรวดเร็ว สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ฉีดฟิลเลอร์ปากทรงไหนดี แบบไหนเหมาะกับเรา

รูปทรงปากที่เหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ซึ่งหลายท่านไม่รู้ว่าปากตัวเองเหมาะสมกับทรงไหน การออกแบบให้ปากสวยขึ้น ใบหน้าสวย มีเสน่ห์มากขึ้น แพทย์จะเป็นผู้ช่วยประเมินไปพร้อมกับคนไข้ ซึ่งจะประเมินสัดส่วนฟิลเลอร์ปากให้รับกับจุดอื่นๆ บนใบหน้า และแนะนำทรงปากที่สวย เหมาะสมตามความต้องการของคนไข้ด้วย ทรงปากที่ได้รับความนิยมในตอนนี้มี 3 ทรง ได้แก่

  1. Sexy Lip : ริมฝีปากอิ่มฟู สัดส่วนริมฝีบนล่างแบบ 1:1 ซึ่งเทรนด์นี้ได้กระแสความนิยมมาจากทางฝรั่งตะวันตก คือการมีริมฝีปากที่มีลักษณะอวบอิ่ม ห้อยเจ่อนิดหน่อยดูเซ็กซี่ เพิ่มมิติบนใบหน้าให้ดูเด่นมากยิ่งขึ้น
  2. Cherry Lip : ริมฝีปากอวบอิ่ม ด้านบนเป็นกระจับ ด้านล่างมีลักษณะเหมือนเชอรี่ เพิ่มเนื้อส่วนกระจับให้ดูมีมิติกรอบคมชัด และยกมุมปากยิ้มขึ้นเล็กน้อย ได้ลุคเกาหลี และเหมาะกับใบหน้าเอเชียของเรา
  3. Classy Lip : ริมฝีปากอวบอิ่มทั้งบนและล่าง ปราศจากริ้วรอยร่องลึกบริเวณริมฝีปาก ทำให้ดูสดใสเป็นธรรมชาติ อยู่ในรูปทรงริมฝีปากเดิมแต่ได้มิติของใบหน้าเพิ่มขึ้น สุขภาพปากดีขึ้น เหมาะกับทุกใบหน้า

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ปาก

การฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ หมอต้องมีเทคนิคที่ดีและประสบการณ์การวางตำแหน่งฟิลเลอร์เพื่อให้เหมาะสมในแต่ละทรง แต่ละใบหน้าและบุคคล รวมถึงปริมาณการใช้ฟิลเลอร์ด้วย

  • สัดส่วนของริมฝีปากบนล่างที่เหมาะสมคือ 1:1.618
  • ความสูงริมฝีปากบน ต่อความสูงของจุดใต้จมูกถึงขอบล่างของปากบนเป็น 0.28
  • ความสูงของริมฝีปากล่างต่อความสูงของใบหน้าจะมีขนาดทั้งหมดเป็น 0.09
  • มุมปากควรยกขึ้นเท่ากันทั้งสองข้าง ไม่ตกลง
  • เนื้อปากควรอิ่มพอดีเรียบเนียน ไม่มีริ้วรอย
  • ริมฝีปากบนล่างควรปิดได้แนบสนิท

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก

  1. ปรึกษาแพทย์ ให้คุณหมอประเมินใบหน้าและออกแบบรูปทรงปากที่เหมาะสมร่วมกับคนไข้
  2. เลือกฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นเหมาะกับบริเวณที่ต่างกัน คุณหมอจะประเมินตามความต้องการของคนไข้ และรูปปากที่คนไข้ต้องการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามที่คาดหวัง
  3. ฉีดและทายาชา ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากต้องมีการทำความสะอาดบริเวณที่ฉีดทุกครั้ง และฉีดยาชาเพื่อลดอาการเจ็บระหว่างฉีดฟิลเลอร์
  4. ตรวจเช็คฟิลเลอร์ หมอจะเปิดกล่องใหม่ให้คนไข้ดูต่อหน้าทุกครั้ง รวมถึงสอนวิธีการตรวจเช็คฟิลเลอร์ของแท้ และให้นำกล่องกลับบ้านเพื่อให้คนไข้มั่นใจมากที่สุด
  5. ฉีดฟิลเลอร์ปาก ตามรูปทรงที่มีการออกแบบร่วมกับคนไข้ 
  6. แพทย์แนะนำการดูแลหลังฉีด เพื่อให้ประสิทธิภาพดีที่สุด
  7. นัดติดตามผล หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปากประมาน 1 เดือน

ฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรใช้กี่cc?

ในแต่ละยี่ห้อของฟิลเลอร์จะแตกต่างกันที่คุณสมบัติและความเข้มข้น ซึ่งโดยทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์ปากจะใช้ประมาน 1-2 cc ขึ้นอยู่กับความหนาหรือวอลลุ่มที่คนไข้ต้องการ โดยคุณหมอจะเป็นผู้ประเมินและแนะนำปริมาณที่เหมาะสมให้กับคนไข้เป็นรายบุคคล

ฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ?

การฉีดฟิลเลอร์ปากโดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นที่เลือกใช้ นอกจากนี้วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดก็มีผลต่ออายุของฟิลเลอร์อีกด้วย โดยหลังฉีดแพทย์จะแนะนำการดูแลตัวเองเพื่อให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี

  1. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีการแสดงใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลชัดเจน หรือมีใบประกาศนียบัตรรับรองที่เกี่ยวกับบริการนั้นๆ
  2. สามารถตรวจสอบได้ว่าผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้ เช็คกับบริษัทที่นำเข้าได้ ก่อนฉีดแพทย์สามารถให้ตรวจดูกล่องและขวดบรรจุภัณฑ์ได้
  3. แพทย์มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถออกแบบทรงปากที่เหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละคนได้ 
  4. คลินิกที่ดูแลด้านความสะอาดที่ดี มีอุปกรณ์ เครื่องมือ ยาและเวชภัณฑ์อย่างครบถ้วน พื้นที่กว้างขวางไม่อับทึบ
  5. มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง คนไข้สามารถดูทรงปากที่ชอบและผลลัพท์หลังฉีดได้
  6. คลินิกควรมีการนัดติดตามผลหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก และแนะนำการดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างเหมาะสม

อันตรายจากฟิลเลอร์ปลอม!

คนไข้ควรตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ก่อนที่ครั้งที่มีการฉีด หากพลาดฉีดฟิลเลอร์ปลอม อาจส่งผลเสียที่ตามมาดังนี้

  1. บริเวณที่ฉีดอักเสบ เกิดการติดเชื้อ เป็นหนอง
  2. มีอาการแพ้จากสารที่ไม่ได้มาตรฐานที่นำมาฉีด
  3. บริเวณที่ฉีดคล้ำดำจากการอุดตันของหลอดเลือด
  4. สารที่ฉีดเข้าไปเกิดไม่ย่อยสลายตามธรรมชาติ จับตัวเป็นก้อน
  5. อาจจะตาบอด เนื้อเยื่อตาย ผิดรูปถาวร

ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม กี่วันจะเข้าที่

ปกติการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นเจ็บกว่าบริเวณอื่นๆ เพราะปากเป็นจุดที่มีเนื้ออ่อนและไวต่อความรู้สึก แต่การฉีดทายาชาก็สามารถช่วยทุเลาความเจ็บได้มาก

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก จะมีอาการบวมแดงที่พบได้ปกติ ซึ่งจะค่อยๆหายไปเองใน 4-5 วัน และเห็นผลชัดเจนใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งคนไข้สามารถกลับมาทาลิปสติกได้หลังทำเสร็จแล้วประมาน 12 ชั่วโมง

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก

  1. งดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS ได้แก่ Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด 
  2. งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์
  3. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด
  4. เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่สามารถตรวจสอบได้เท่านั้น ควรให้แพทย์แกะกล่องให้ดูตั้งแต่เริ่มตลอดจนจบกระบวนการ
  5. ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์
  6. ศึกษารายละเอียด ดูรีวิวจากคนไข้จริง และเลือกรูปทรงปากที่เหมาะกับเรา
  7. หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่กินเป็นประจำ ควรแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ

การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

  1. หากก่อนทำไม่ได้ทานยาฆ่าเชื้อ หลังทำควรรีบทานยาฆ่าเชื้อทันที สามารถทานยาลดปวด ลดบวมได้หากมีอาการ
  2. ควรอยู่ในที่อากาศเย็นอุณหภูมิ 18-24°C หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมหนักๆ ประมาน 24 ชม. เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ออกแดด
  3. ควรงดทานอาหารบางอย่างที่ส่งผลต่อการอักเสบ บวมและทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ช้า เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, อาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ, อาหารหมักดอง เป็นต้น
  4. ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ การดื่มน้ำจะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น และอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น
  5. ไม่ควรดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก เพราะจะเป็นการทำลายผิวริมฝีปาก ทำให้ผิวเก็บกักน้ำและความชุ่มชื้นไว้ได้น้อยลง

Review จากผู้รับบริการ