เข้าคลินิกความงามทั้งที แน่นอนว่าทุกคนต้องอยากให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดีที่สุด ยิ่งเดี๋ยวนี้มีนวัตกรรม หรือเทคนิคต่าง ๆ มากมายที่สามารถช่วยปรับรูปหน้าของเราให้เรียวสวยขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเทคนิคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คงจะหนีไม่พ้น การฉีดโบท็อก ฟิลเลอร์ และนวัตกรรมยกกระชับผิวอัลเทอร่า Thermage แต่สามเทคนิคนี้แตกต่างกันอย่างไร ทำ Thermage แล้ว ฉีด Filler Botox ได้หรือไม่? วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว มาอ่านกันได้ในบทความนี้เลยค่ะ
Thermage (เทอร์มาจ)
เป็นนวัตกรรมการส่งคลื่นวิทยุ (Radio frequency or RF) ความถี่สูงเพื่อลดเลือนริ้วรอย ปรับรูปใบหน้าให้ยกกระชับ ผิวเรียบเนียน ซึ่งการทำงานของ Thermage จะเป็นการส่งคลื่นความร้อนจากคลื่นวิทยุ โดยก้อนความร้อนขนาดประมาณ 3-4 cm2 ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ได้ดีกว่าแบบจุด แต่จะถูกส่งลงสู่ชั้นผิวหนัง Dermis (ตื้นกว่าชั้นผิวหนัง SMAS) ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ของคอลลาเจน คอลลาเจนจึงกระตุ้นได้อย่างอย่างทันที
ปัจจุบันนี้เครื่อง Thermage (เทอร์มาจ) ได้ถูกออกมา 4 รุ่นแล้ว เรียงลำดับจาก
Thermage TC, Thermage NTX, Thermage CPT และ Thermage FLX ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นใหม่ต้องดีที่สุด โดยทำงานได้เร็วกว่ารุ่น Thermage CPT ถึง 25% แถมประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม
ผลลัพธ์ของ Thermage (เทอร์มาจ)
สร้างคอลลาเจน กระชับรูขุมขน ฟื้นฟูผิว ขาวใส กระชับผิว ผิวใต้คางแน่นขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถลดไขมัน และกำจัดไขมันบริเวณเหนียงได้อีกด้วย ซึ่งผลของการทำ Thermage จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี
โบท็อก Botox
เป็นเทคนิคการฉีดเพื่อปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะขั้นตอนในการทำไม่ยุ่งยาก แถมเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยการฉีดโบท็อกซ์สามารถช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อ ให้ใบหน้าเรียวเล็กลง และยังช่วยลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น อีกทั้งการฉีดโบท็อกยังช่วยยกกระชับใบหน้า และบริเวณลำคอได้อีกด้วย
โดยแพทย์จะใช้สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ฉีดเข้าไปยังบริเวณกล้ามเนื้อในจุดที่มีปัญหา เพื่อให้สารโบท็อกออกฤทธิ์ต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่มีความหดเกร็ง เกิดคลายตัว และทำงานหรือขยับได้น้อยลงชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่ค่อยได้ขยับ จากที่มีความใหญ่ แข็ง จะเริ่มนิ่ม และริ้วรอยที่เคยมี จะเรียบตึงมากขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ใน 4-7 วัน และคงอยู่ได้นาน 6-8 เดือน โดยที่สารโบท็อกจะสลายตัวหมดไปได้เอง ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ฉีดฟิลเลอร์ ยกกระชับ
ฟิลเลอร์ (Filler) คือการฉีดสารเติมเต็ม ที่เรียกว่า เอชเอ (HA) หรือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เพื่อเข้าไปทดแทนและเติมเต็มใยคอลลาเจนใต้ผิวที่เสื่อมสลาย ช่วยพยุงโครงหน้าให้เกิดการ ยกกระชับ กลับมาดูอิ่มเอิบ เพิ่มความยืดหยุ่น เติมร่องริ้วรอยลึกให้ตื้นขึ้น แลดูอ่อนกว่าวัย ซึ่งฟิลเลอร์มีอยู่หลายชนิดเพื่อช่วยแก้ปัญหาในจุดที่ต่างกันไปบนใบหน้า โดยฟิลเลอร์ที่ใช้ในการ ยกกระชับ ใบหน้าจะมีลักษณะคงตัว และเนื้อข้นกว่าฟิลเลอร์ชนิดอื่นๆ ซึ่งคุณหมอจะใช้ฟิลเลอร์ชนิดนี้ ฉีดเข้าไปเพื่อทดแทนไขมันและมวลกระดูกที่ฝ่อตัวลง เมื่อฉีดแล้วนอกจากจะช่วยเติมเต็ม ยังทำให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้น เปรียบเสมือนการเสริมโครงสร้างปักเสาเข็มให้ใบหน้า
สารไฮยาลูโรนิค แอซิด เป็นสารที่ร่างกายเราสร้างขึ้นได้เองอยู่แล้ว แต่พออายุมากขึ้นจะทำให้สร้างได้น้อยลง ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ ด้วยสารเอชเอ (HA) จึงสามารถย่อยสลายไปเองได้ตามกระบวนการทำงานของร่างกาย หลังจากฉีดสามารถเห็นผลได้ทันที แต่จะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังจากผ่านไปแล้ว 3 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นาน 1-2 ปี
ใบหน้าแบบไหนเหมาะกับการทำอะไร
โดยปกติแล้วก่อนรับการรักษาไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด คุณหมอจะใช้การประเมินเป็นเคสต่อเคสไปค่ะ แต่หากคุณอยากลองสังเกตตัวเองดูก่อนจากที่บ้าน คุณหมอได้ให้คำแนะนำง่ายๆ ไว้ด้วย คือ ชให้คุณลองหยิบแก้มของตัวเองดู
- หากรู้สึกว่ามันหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น อาจเป็นเพราะคอลลาเจนใต้ผิวลดลง หรือผลิตได้น้อยลง ควรเลือกวิธีการทำเลเซอร์ยกกระชับ
- หากจับดูแล้วรู้สึกว่าใบหน้ายังเต่งตึง ความยืดหยุ่นก็ยังดีอยู่ แต่ดูหย่อนคล้อย อาจเกิดจากสาเหตุที่เรียกว่าวอลลุม ลอส (Volume Loss) คือการสูญเสียปริมาตรใต้ชั้นผิว ไม่ว่าจะจากไขมัน กระดูก หรือกล้ามเนื้อ ควรเลือกการฉีดยกกระชับ
การทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งในข้างต้น อาจเพียงพอแล้วสำหรับบางคน แต่อีกหลายคนอาจยังไม่เพียงพอ และไม่ตอบโจทย์ปัญหาผิวทุกส่วน การพิจารณาว่าจะทำมากหรือน้อย ควรคำนึงถึงช่วงอายุ สภาพผิว การดูแลตนเอง การดำเนินชีวิตในแต่ละวันด้วย และทางที่ดีควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อความปลอดภัย จนนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการเผยผิวสวยของคุณ
สำหรับคนที่ทำ Thermage ไปแล้วสามารถ ฉีด Botox Filler เพิ่มได้ค่ะ โดยการทำ Thermage ควบคู่ไปกับการฉีดโบท็อก และทิ้งระยะให้ผลจากการยกกระชับได้ทำงานนเต็มที่ และค่อยเติมเต็ม หรือเก็บกรอบหน้าเพิ่มเติมด้วย ฟิลเลอร์ จะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความชัดเจน เห็นผลการเปลี่ยนแปลงของรูปหน้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และเนื่องจากทั้งสามเทคนิคมีหลักการทำงานคนละชั้นผิวกัน ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบ หรือเกิดอันตรายใด ๆ ต่อร่างกายแน่นอนค่ะ
ถือเป็น 3 นวัตกรรมยกระชับที่ไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อน สิ่งสำคัญที่สุดของการตัดสินใจเลือกทำในแต่ละครั้ง ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักใช้ระยะเวลาศึกษาผลิตภัณฑ์ที่สนใจอย่างละเอียด เลือกสถาบันความงามที่น่าเชื่อถือมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังประจำที่สามารถให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด esthe clinic ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox facebook หรือ Line ให้คำปรึกษาโดยแพทยย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางโดยตรง